รวมไทยสร้างชาติ เปิดตัว "บิ๊กตู่" ยิ่งใหญ่ 28 คน จับมือทำงาน แย้มนโยบาย 3 ข้อ
รวมไทยสร้างชาติ เปิดตัว “บิ๊กตู่” ยิ่งใหญ่ในงาน “รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ” โชว์สมรรถนะ นักการเมืองรุ่นใหญ่-รุ่นใหม่ 28 คน ประเดิม ประสานมือทำงาน เพื่อบ้านเมือง บิ๊กตู่ แย้มนโยบาย พรรค 3 ข้อ รื้อสิ่งไม่ดี ลด ปลดเปลื้อง
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 9 มกราคม 2566 ที่ Exhibition Hall 1 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ จัดงาน “รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ” เปิดตัวพรรครวมไทยสร้างชาติ เข้าสู่สนามลงคะแนนอย่างเป็นทางการ นำโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รวมทั้งผู้บริหารพรรค สมาชิกพรรคที่เดินทางมาจากทั่วประเทศร่วมแสดงความยินดีแน่น โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างรื่นเริง
ก่อนการเริ่มงาน นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ในฐานะสมาชิกอาวุโสของพรรค
ได้ขึ้นเวทีเสวนาภายใต้หัวข้อ “เสวนาประสาไตรรงค์” โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมการเสวนาจำนวนมาก โดยนายไตรรงค์กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ประเทศไทยกำลังมีปัญหาโดยยิ่งไปกว่านั้นอย่างยิ่ง การถูกธุรกิจสีเทา ธุรกิจเกี่ยวกับยาเสพติด เข้ามาทำให้ประเทศชาติตกต่ำ โดยไม่นึกถึงคุณธรรมและศาสนา
สิ่งพวกนี้จะต้องรีบแก้ไข รวมทั้งการตั้งพรรคการเมืองขึ้น มาสักพรรคหนึ่งไม่ใช่แค่ ตั้งขึ้นมาแต่จะต้องมีอุดมการณ์ รวมทั้งแนวทางที่ชัดเจน ว่าจะให้ประเทศเดินไปทางไหน ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติ มุ่งมั่นอย่างชัดเจน หนักแน่นว่าจะคุ้มครองปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ พร้อมรักษาประเทศไทย ให้ดำรงความเป็นชาติไทยที่มีอธิปไตยอย่างสมบูรณ์ เทียบเท่ากับประเทศอื่น ๆ
นายไตรรงค์ กล่าวต่อว่าต่อขาน ประเด็นสำคัญในตอนนี้ที่จะต้องให้ความสำคัญแล้วก็พรรค รวมไทยสร้างชาติ มองเห็นคือประเด็นที่หนึ่ง ได้แก่ เรื่องของการเข้ามา ของประเทศมหาอำนาจ บางประเทศที่เข้าล้างสมองเยาวชน ให้เกลียดเกลียดประเทศ เผ่าพันธุ์ ประวัติศาสตร์ รวมถึงศาสนาของประเทศด้วย คือปัญหาสำคัญ ที่ประเทศไทยกำลังพบเจอและต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ประเด็นต่อ มาคือเรื่องของความเสื่อมทางศีลธรรม การคอร์รัปชัน โกงกินของระบบข้าราชการไทย
ที่ทำให้เกิดธุรกิจสีเทาเนื่องจากว่า มีข้าราชการและก็นักการเมืองไม่ดีให้การสนับสนุน ตนอยู่ในการเมืองมา 40 ปี ทราบเรื่องนี้ดี ฉะนั้นจึงมีความคิดเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องทำลายล้างให้หมด ส่วนประเด็นสุดท้ายคือ การรักษาประเทศไทย ให้อยู่ในระบอบการปกครองประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขตลอดไป เพราะประเทศ ที่ไม่มีระบบกษัตริย์ เป็นศูนย์รวมก็จะมีผลให้เกิดความแตกแยกเนื่องจากว่ามีการแย่งชิง ตำแหน่งประมุข ของประเทศด้วยวิธีการต่าง ๆ ทำให้ประเทศย่ำแย่เสมือนประเทศอื่นที่เห็นกันมามากมาย
ในตอนท้ายของการเสวนา นายไตรรงค์ได้ยกพระบรมราโชวาท ของในหลวง รัชกาลที่ 9 เกี่ยวกับการส่งเสริมคนดี ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง แล้วก็ควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ ไม่ให้ก่อความตกระกำลำบากยุ่งวายได้ โดยขอให้ประชาชน ได้เลือกคนดีเข้ามาเป็นผู้แทน เพื่อปกครองบ้านเมือง ตามพระบรมราโชวาท พร้อมกล่าวว่า ตนอยู่พรรคไหนก็จริงใจ กับพรรคนั้น ไม่ใช่คนเหยียบเรือสองแคม ไม่ใช่ปากอย่างใจอย่าง และมาพรรค รวมไทยสร้างชาติทั้งยังครอบครัว และยังจัดเตรียมให้ลูกสาว ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นตัวแทนด้วย ขณะเดียวกันยืนยันว่าจะส่งเสริมให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เนื่องจากว่ามั่นใจว่า พลเอกประยุทธ์ เป็นคนดี
ต่อมาเวลา 17.30 น. เป็นการเริ่มพิธีบนเวที โดยวีดีโอแนะนำความเป็นมาของพรรค รวมไทยสร้างชาติ
ก่อนที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐตอน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะขึ้นเวทีเปิดตัว ตัวแทนทีมสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ 2 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ “คนรุ่นใหญ่” รวมทั้ง “คนรุ่นใหม่” โดยมีตัวแทนสมาชิกพรรค ทั้งสองกลุ่มขึ้นเวทีประกาศเจตนารมณ์ แล้วก็ความตั้งใจในการร่วมมือกันสร้างการเมืองที่ดี ที่ไม่เคยมีพรรคการเมืองใดเคยทำมาก่อน โดยจะเน้นการทำงานเพื่อประชาชน และก็ประเทศชาติ ผ่านแนวความคิดประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ รวดเร็ว และทันสมัย ผสมผสานกับการ ทำงานของนักการเมืองรุ่นใหญ่ ที่มีประสบการณ์สูงเพื่อเกิดการทำงานที่มีคุณภาพ มุ่งเป้าเพื่อประโยชน์ของประชาชน แล้วก็บ้านเมืองอย่างแท้จริง
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนไม่เคยเห็นมีคนมาประชุมงาน การเมืองมากเท่าวันนี้มาก่อน ในวันนี้มีการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2566 ตระเตรียมเลือกตั้งเพื่อจะมาเป็นพรรคหลักของประเทศต่อไป ครั้งแรกแค่เตรียมแผนเพื่อตั้งคณะกรรมการสรรหา แต่ปรากฏว่ามีบุคคลสำคัญที่ประเทศไทยอีกทั้งประเทศจับตาว่าจะมาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ ครั้งแรกจะเตรียมที่ ม.กรุงเทพธนบุรี แต่ปฏิเสธคนที่อยากจะมาไม่ได้
เนื่องจากว่าทุกคนอยากจะมาร่วมให้กำลังใจ เมื่อต้านความต้องการ ไม่ได้ก็เลยต้องย้ายพื้นที่ แต่ก็ไม่พอเพราะปรากฏว่ามีคนล้นพื้นที่ออกไป สำหรับสมาชิกของพรรคที่ยืนอยู่บนเวที ไม่ได้มีเพียงเท่านี้แต่ยังมีมากกว่านี้ ตนเคยบอกไว้ตั้งแต่วันเปิดพรรคเมื่อ 3 เดือนสิงหาคมว่าจะนำพาพรรคเป็นพรรคหลักของประเทศ ตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งวันนี้จากสมาชิก 7,000 กว่าคน จนกระทั่งตอนนี้มี 30,000 กว่าคนแล้ว
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่ากล่าว ต่อไปนี้จะไม่มีสี ไม่มีฝ่าย พรรครวมไทยสร้างชาติจะมีผลให้คนไทยกลับมามีความรักสามัคคีเหมือนเดิม อีกทั้งพี่น้อง นปช. ชาติพันธุ์ กลุ่มเสื้อแดง ทุกคนรักชาติบ้านเมือง ไม่มีใครอยากจะทะเลาะกันอีกแล้ว วันนี้ประเทศไทยจะต้องเดินหน้า พรรครวมไทยสร้างชาติ ทำแบบนี้ไม่ได้ถ้าเกิดไม่ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากคนทั้งประเทศ เมื่อก่อนตนประกาศว่าจะเป็นคนนำพาพรรคต่อสู้การออกเสียง แต่วันนี้มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นผู้นำ ซึ่งที่ผ่านมาท่านไม่เคยคิดจะเป็นนักการเมืองแต่วันนี้สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องการนำ ความรักความสามัคคีกลับมาให้กับประเทศไทย
ต่อมาเวลา 18.00 น. นับว่าเป็นช่วงไฮไลต์สำคัญ คือการเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ อย่างเป็นทางการ โดยมีการเปิดภาพวีดีโอการลงนามเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินขึ้นเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือต้อนรับของสมาชิกพรรค ที่มาร่วมงานแล้วก็โบกธงโลโก้พรรค ให้กำลังใจเต็มห้องประชุม ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะกล่าวถึง Mission แล้วก็ทิศทางถัดไปเพื่อคนไทยทั้งชาติ ว่า รู้สึกขอบคุณ ทุกคนเป็นคนไทยหัวใจเดียวกัน วันนี้ได้มาเป็นวันแรก ครั้งแรกในชีวิตที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง และพรรคที่เลือกสมัครคือพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนอยู่กับคนไทยมาหลายปีแล้วทุกคนจะจำได้
อย่างไรก็ลบภาพทหารของตนไม่ได้ ที่ผ่านมาก็ปรับตัวมาตลอด ที่ตนมีวันนี้ได้เพราะว่าคนไทยทุกคน เนื่องจากประเทศไทยคือประเทศที่ศักดิ์สิทธิ์ วันนี้รู้สึกดีใจ ตื้นตันใจ แล้วก็ตื่นเต้น ทั้งยังที่ไม่เคยกลัว หรือตื่นเต้นกับอะไรมาก่อน เนื่องจากเป็นทหารกลัวไม่ได้ กลัวความรักที่ทุกคนให้มาจะเพียงแต่พอกันหรือไม่ ตนรักทุกคน สิ่งสำคัญคือต้องตั้งมั่นในชาติ ศาสน์ พระมหากษัตริย์ สำคัญที่สุด ตนเป็นทหาร ปฏิญาณตนมาคือ การสัตย์ซื่อ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่าต่อขาน วันนี้ต้องการจะมากล่าวว่าเพราะเหตุไรตนต้องอยู่ต่อ ที่ต้องอยู่ต่อเพราะว่ามีหัวใจดวงเดียวกัน ต้องทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และก็ประชาชน ตนเป็นทหาร รวมทั้งทหารทุกคน ต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส หลายคนสงสัยว่าต้องการยิ่งใหญ่ต่อหรือ ซึ่งขอบอกว่าไม่ใช่ ที่ผ่านมามีอำนาจมามากแล้วตลอดชีวิตราชการ
แต่อำนาจต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ รวมทั้งความยุติธรรม ตนไม่ได้อยากเป็นผู้มีอิทธิพล หรืออยากได้ผลประโยชน์อะไร และยืนยันว่าไม่เคยรับผลประโยชน์อะไรทั้งสิ้น และที่มายืนตรงนี้เพราะว่าเคารพในกระบวนการ ประชาธิปไตยของประเทศ ที่มาไม่ได้อยาก มาอยู่เพื่อตำแหน่งอะไรต่อ แต่ประเทศไทยต้องไปต่อบนพื้นฐานความมีเสถียรภาพ ความมั่นคง ความรุ่งเรือง ที่ผ่านมาแก้ปัญหาประเทศมาอย่างตลอด แต่ปัญหามีมาก ถ้าเกิดมีโอกาสก็ต้องการจะแก้ต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพราะว่า การพัฒนาประเทศมี หลายมิติที่ตนก็ได้พยายามทำมาตลอด และการที่ได้มาร่วมมือกับพรรคนี้ หวังว่าจะสามารถทำได้เร็วขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อถือในเวทีโลก ต้องทำให้ประเทศไทยเข้มแข็งก่อน เนื่องจากมีทุกอย่างอยู่แล้ว อย่าให้ใครมาทำลายความรักความสามัคคี คนไทยเป็นคนรักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ยังมีงานที่ตนต้องทำต่อจึงจำเป็นจะต้องต้องมายืนนี้กับผู้บริหารพรรคทุกคน
ที่มาจากทุกภาค เพราะว่าทั้งหมดคือประเทศไทยของทุกคน
ตนต้องการทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงให้ได้ ที่ผ่านมาโควิดเป็นปัญหาของทั่วทั้งโลกแต่พวกเรา สามารถยืนหยัดอยู่ได้ เป็นตัวอย่างความร่วมมือ ของความเป็นคนไทยของทุกคน ที่แม้ว่าวันนี้หลายอย่างจะดีขึ้นแล้ว แต่ต้องอย่าประมาทวันหน้าอาจจะมีเกิดขึ้นอีกได้ ต้องเตรียมตัว อาจจะก่อให้อึดอัด แต่ต้องพร้อม ต้องการเดินหน้าถึงแม้ว่าจะได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่าต่อขาน ที่ตนตัดสินใจมาอยู่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ
เพราะว่ามีความเห็นว่ามีอุดมการณ์แบบเดียวกัน คือรักสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์เช่นเดียวกัน ที่ผ่านมานอนไม่หลับมาหลายคืน ว่าจะทำอะไรต่อไปอย่างไรดี ก็ต้องเลือกแต่วันนี้เสมือนละครบุพเพสันนิวาส ตนก็นึกไม่ออกว่ามาลงเอย ที่พรรครวมไทยสร้างชาติได้อย่างไรแต่ คำว่า “รวมไทยสร้างชาติ” เป็นคำที่ตนเคยกล่าวไว้เอง
ซึ่งตนเชื่อถือในตัวของนายพีระพันธุ์ ตนเชื่อถือเพราะเหตุว่าเป็นนักกฎหมายมาก่อน และทำงานการเมืองมาหลายปี รวมทั้งทำงานกับตนมาและเป็นที่ขอคำแนะนำของตน ตนรู้จักมานานว่า เป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพ รวมทั้งนักการเมืองทั้งคนรุ่นเก่า รุ่นใหม่ ที่จะด้วยกันทำงาน เป็นการทำงานด้วยกันของคนทุกรุ่นเพื่อประเทศไทยของทุกคน
“นโยบายหลักของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือ รื้อถอน ไม่ใช่รื้อทุกอย่าง ต้องดูว่าระเบียบ กฎหมายอะไรที่ต้องแก้ไขบ้าง ที่เขาเรียกว่ากฎหมายกิโยติน บางอย่างไม่ดีก็ต้องเลิก เพื่อให้ทันสมัย เป็นสากลนั่นคือการรื้อ สองคือลดภาระต่าง ๆ ของประชาชนในการดำรงชีวิต สามคือปลดเปลื้องภาระค่าครองชีพแล้วก็หนี้สินด้วยรูปแบบใหม่ ๆ สร้างสังคมใหม่ของชาติเป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ด้วยวิธีการที่เป็นกลางที่ไม่ทำให้เกิดปัญหาในอนาคตด้วย โดยไม่ทิ้งภาระไว้ให้คนข้างหน้า” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ทั้งนี้ในตอนท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้นำผู้บริหารพรรคทั้งหมดร้องเพลง ศรัทธา ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ และก็นายพีระพันธุ์จะร่วมกันโบกธงไตรรงค์ รวมทั้งธงสัญลักษณ์พรรครวมไทยสร้างชาติพร้อมปักลงบนเวที จากนั้นก็เลยได้นำผู้บริหาร รวมทั้งสมาชิกทุกคนด้วยกันชูมือ รวมทั้งมีการเคลื่อนธงรวมไทยสร้างชาติขนาดใหญ่ผ่านสมาชิกพรรคสู่บริเวณหน้าเวที ในตอนท้ายทั้งหมดได้ถ่ายภาพและก็ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ร่วมกันอย่างกึกก้องห้องประชุม
นับเป็นการเริ่มการทำงานทางการเมืองอย่างเป็นทางการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมทั้งยังถือเป็นการเริ่มต้นการเดินหน้าของพรรครวมไทยสร้างชาติในการจัดเตรียมสู้ศึกลงคะแนนเสียงที่กำลังจะถึงนี้อีกด้วย
ดังนี้รายชื่อ สมาชิกพรรค รวมไทยสร้างชาติ ที่ขึ้นมาเปิดตัวภายในงาน ประกอบด้วย
รุ่นใหญ่
ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี
นายชัชวาลล์ คงอุดม
นายชุมพล กาญจนะ
นพ.ปรีชา มุสิกุล
นายวิทยา แก้วภราดัย
นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร
นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน
นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว
นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์
นายปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ
พันเอก เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา
นายสามารถ มะลูลีม
นายเสกสกล อัตถาวงศ์
นายโกวิทย์ ธารณา
นายเกรียงยศ สุดลาภา
นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล
รุ่นใหม่
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์
รศ.(พิเศษ) ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง
นายชื่นชอบ คงอุดม
นายสยาม บางกุลธรรม
นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์
นางสาวศิรินันท์ ศิริพานิช
นายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย
นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์
ว่าที่ ร.ต.อ.หญิง อัยรดา บำรุงรักษ์
นายวินท์ สุธีรชัย
นายอภิชา นิธิอนันตภร
นางสาวณัฐวรินธร บวรภัค